เปิดกระจกขับรถยังไงให้ดี
เมื่อเช้าผมเดินทางกลับบ้านที่ขอนแก่น ระหว่างขับรถก็คิดเรื่อยเปื่อย แล้วพอดีช่วงนี้อากาศเย็นๆ ก็เลยลองเปิดกระจกขับรถ แล้วก็สงสัยขึ้นมาว่าถ้าเราเปิดกระจกแบบต่างๆ กัน จะได้ความรู้สึกต่างกันไหม… ปรากฎว่าต่างครับ! วันนี้ก็เลยจะมาแชร์ให้ฟังว่าค้นพบอะไรไปบ้างครับ
เริ่มจากรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งหมดของกระจกรถยนต์แบบ 4 ประตู จะมีทั้งหมด 15 แบบ คำนวนจากประตูแต่ละบานมี 2 สถานะ คือ “เปิดกระจก” และ “ปิดกระจก” ทุกบานสามารถเปิดปิดได้โดยอิสระ ไม่อิงกับบานอื่นๆ ก็จะได้รูปแบบทั้งหมด เท่ากับ
2 x 2 x 2 x 2 = 16 ลบกรณีที่ปิดทุกบานออกไปก็จะเหลือ 15 แบบ
มาเริ่มกันเลย
เปิด 1 บาน (ลมหยาบ)
การเปิดกระจกแค่บานเดียว เราจะได้รับลมแบบหยาบๆ และเสียงดัง! ลมแบบหยาบๆ ให้จินตนาการเหมือนมีปืนใหญ่ที่ยิงลมออกมาเป็นลูกๆ เราจะโดนยิงแบบรัวๆ แบบที่ไม่มีจังหวะ ไม่ค่อยมีทิศทาง จะเป็นลมที่ค่อนข้างน่ารำคาญ บวกกับเสียงยิ่งทำให้ไม่สะดวกสบายเข้าไปอีก เสียงตรงนี้ไม่ได้เหมือนถึงเสียงข้างนอกนะครับ หมายถึงเสียงของลมปะทะกัน เหมือนลมมันเดินทางไม่สะดวกก็เลยตีกันไปมา ไม่แนะนำให้เปิดบานเดียวครับ นอกจากจะขับช้ามาๆ อาจจะพอได้
เปิด 3 บาน (ไม่ค่อยต่าง ไม่คุ้ม)
การเปิดกระจก 3 บาน เมื่อเทียบกับการเปิด 2 บาน มีข้อเสีย 3 ข้อ
- ให้ความรู้สึกไม่ต่างกับการเปิด 2 บานมากแบบมีนัยยะสำคัญ
- การที่เราต้องจำว่าต้องเปิดบานไหนบ้าง ใช้ความพยายามมากกว่าแบบ เปิด 2 บาน (ข้อนี้จริงๆ ก็แก้ด้วยการจำว่าต้องปิดบานไหน 1 บานก็ได้)
- การที่เราต้องทำนิ้วเพื่อเปิดพร้อมกัน 3 บาน ทำได้ยาก เดี๋ยวนิ้วล็อคตอนขับรถนี่แย่เลย อาจจะต้องเปิดครั้งงละ 1 บานแทน ทำให้เสียเวลา
เปิด 2 บาน (แนะนำ แต่แค่บางรูปแบบ)
การเปิดกระจก 2 บานเป็นรูปแบบที่แนะนำครับ แต่ละแบบจะให้ความรู้สึกไม่เหมือนกัน เริ่มจากการเปิด 2 บานมีทั้งหมด 6 แบบ (4 เลือก 2 แบบไม่สนใจลำดับ)
รูปแบบที่ 1 เปิด 2 บานด้านขวา หรือ เปิด 2 บานด้านซ้าย
- การเปิดกระจกแบบนี้จะให้ลมที่ Gentle (อ่อนโยน) คือลมจะเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเสียงลมกระแทกดังๆ เหมือนลมหยาบ
- ถ้าเราเปิด 2 บานฝั่งซ้าย ลมอ่อนๆ จะวิ่งผ่านคนที่นั่งฝั่งขวา มันจะพัดหาคนที่นั่งอยู่ด้านตรงข้าม เช่นเดียวกัน ถ้าเปิดกระจกฝั่งขวา ลมก็จะวิ่งผ่านคนที่อยู่ฝั่งซ้าย มันแปลกมากๆ ผมก็ไม่เข้าใจ แต่เดาว่าลมน่าจะวิ่งประมาณนี้
เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นคนขับ ก็เหมาะที่จะเปิดกระจกด้านซ้ายทั้ง 2 บานครับ เราจะได้รับลมเย็นๆ ไม่แรงเกินไป และเสียงก็จะไม่ดัง เพราะว่าด้านที่เปิดอยู่ไกลจากหูเรา
รูปแบบที่ 2 ปิดกระจกเป็นเส้นทะแยง
คือ เปิดด้านหน้าขวาและด้านหลังซ้าย หรือ เปิดด้านหน้าซ้ายและด้านหลังขวา
- การเปิดกระจกแบบนี้จะได้ลมที่ Gentle คล้ายๆ กับข้อ 2 แต่ว่าการเปิดแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ ลมจะไม่วิ่งผ่านเบาะตรงข้ามกับหน้าต่างที่เปิดทางด้านหน้ารถ เหมาะกับกรณีที่เราต้องการให้มีลมวิ่งผ่านในรถ แต่ไม่ต้องการปะทะกับลม แค่อยากให้ในห้องโดยสารเย็นๆ
* เหตุผลที่ไม่เลือกรูปแบบที่ 1 แบบเปิดฝั่งขวา เพราะว่า ต่อให้มีลมเข้ามาให้รถ และไม่โดนตัวเราก็จริง แต่เสียงจากข้างนอกจะเข้ามาดังมากกว่า เพราะว่าเราเปิดประจกฝั่งที่ติดกับคนขับเลย - รูปแบบนี้จะมีข้อเสียตรงที่ เสียงจะเข้ามาจากด้านหลังของฝั่งที่เปิดกระจกหลัง ทำให้อาจจะรำคาญเล็กน้อย
- ข้อดีอีก 1 ข้อคือ ถ้าเราเปิดกระจกแบบนี้ แล้ววิ่งผ่านรถพ่วง ไอเสียจากรถพ่วงจะไม่ค่อยผ่านตัวเรา ทำให้เราไม่ได้กลิ่น (แต่มันผ่านเข้ามาในรถนะครับ แล้วก็ผ่านไป) เส้นมิตรภาพรถพ่วงเยอะเลย รูปแบบนี้ก็ช่วยครับ ไม่ต้องคอยปิดเปิดกระจกบ่อยๆ
รูปแบบที่ 3 เปิด 2 บานหน้า หรือ เปิด 2 บานหลัง
อันนี้ไม่แนะนำครับ จะได้ลมหยาบๆ คล้ายๆ กับรูปแบบที่เปิดกระจกแค่ 1 บาน
เปิด 4 บาน (มั่วไปหมด)
การประกระจกทุกบานจะได้ลมแบบนี้ วิ่งกระจายทั่วห้องโดยสาร แบบไม่ค่อยมีทิศทาง คือวิ่งทั่วทั้งห้อง และเสียงก็จะดังมาก เพราะว่าเสียงเข้ามาได้ทั้ง 4 ทิศทาง เหมาะจะใช้เวลามีคนนั่งเต็มคัน และต้องการรับลม แต่ต้องขับช้าๆ หน่อยครับ ถึงจะได้ความรู้สึกที่ดี
ความแรงของลม
จะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง
- เราขับรถเร็วแค่ไหน
- เราเปิดกระจกกว้างขนาดไหน
อย่างผมที่ขับรถกลับบ้าน วิ่งด้วยความเร็วประมาณ 100–110 km/h พอเปิดกระจกแค่ 2 นิ้วถือว่ากำลังดีครับ อย่าลืมว่ายิ่งเปิดกว้างเสียงยิ่งดังด้วยนะครับ
จากที่ผมได้ทดลอดมา โดยส่วนตัวผมคิดว่า สำหรับคนขับ ผมแนะนำ 2 รูปแบบนี้ครับ
โดยใช้ต่างโอกาสกันง่ายๆ แค่นี้เลยครับ ตลอดทางผมก็เปิดสลับรูปแบบ 1 และ 2 ไปเรื่อยๆ
รูปแบบที่ 1 ถ้าต้องการให้มีผลพัดผ่านตัว
รูปแบบที่ 2 ถ้าแค่ต้องการให้มีลมผ่านเข้ามาให้รถ ให้อากาศไม่ร้อน หายใจสะดวก
ถ้าใครมีโอกาสได้ลอง อย่าลืมเอามา comment แบ่งปันประสบการณ์กันนะครับ